สัญชาติ : แม็กซิโก ผู้กำกับ: กิลเลอร์โม เดล โทโร ผู้แสดงนำ: ไอวาน่า บาเควโร, ดั๊ก โจนส์, เอเรียดน่า กิล
ปกติเป็นคนชอบดูหนังแนวๆ แฟนตาซี ที่มีเด็กผจญภัย อยู่บ้างเหมือนกัน แต่พอมาดู Pan's Labyrinth นี่แล้ว อึ๋ย!! นี่มันอะไรกันนี่ ไมมันทำให้เรา อึ้ง ทึ่ง เสียว ได้ ขนาดนี้ตอนแรกดูหน้าหนังแล้วอยากชวนน้องๆเด็กๆไปดู เพราะมันคงสนุกสนานไปกับการผจญภัยของ หนูน้อย เหมือนๆหนังแนวๆแฟนตาซี แต่พอดูจบ บอกตรงๆ ความรู้สึกที่ได้คือ หม่นหมอง รุนแรง และ น่าเวทนา(ในชะตากรรมของเด็ก)โอเฟเลีย ตัวเอกเสียเหลือเกิน ฟันธงได้เลยว่าเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับเด็กๆอย่างแน่นอน (อย่าเผลอชวนน้องๆเด็กไปดูเชียว...)
เหตุการเกิดขึ้น ในช่วง ค.ศ 1944 ที่สเปน หลังสงครามกลางเมืองสงบลง หนังเปิดเรื่องมาด้วยเสียง เพลงกล่อมเด็ก คละเคล้ากับเสียงหายใจอ่อนระทวยและแววตาล่องลอย ของหนูน้อย โอเฟเลีย แล้วหนังก็เล่าย้อนกลับเข้าไปในจินตนาการของโอเฟเลีย ด้วยเรื่องราว เทพนิยายปรัมปรา เกี่ยวกับเจ้าหญิงในเมืองใต้ดินที่ไม่มีการโกหกและความเจ็บปวดเจ้าหญิงอยาก จะหนีขึ้นมาใช้ชีวิตเหมือนมุนษย์ แต่พอเธอหนีขึ้นมาได้ ความทรงจำเธอเลือนหาย ตาเธอเรื่มบอดเพราะแสง ร่างกายเริ่มเจ็บป่วย ไม่นานเธอก็ตาย อย่างไรก็ตามพระราชาผู้เป็นบิดา ต่างก็เฝ้าหวังว่า ซักวันเธอจะต้องกลับมา ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในร่างเดิมก็ ตาม ......
นี่เป็นเทพนิยายที่ โอเฟเลีย ชอบอ่านและช่วยคลายทุกข์ให้ กับเธอ เธอและแม่( คาร์เมน) ซึ่งท้องอยู่ กำลังเดินทางไปอยู่กับผู้กอง ไวดอล (พ่อเลี้ยงคนใหม่) ซึ่งอาศัยในค่ายนอกเมือง เหตุที่แม่เธอแต่งงานกับผู้กองเพราะ พ่อ ของโอเฟเลีย เสียชีวิตในช่วงสงคราม เพื่อให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น แม่เธอจึงหวังฝากผีฝากไข้กับผู้กอง ซึ่งส่วนตัวผู้กองเองก็อยากหาแม่มาให้กำเนิดลูกชายให้ เค้าอยู่พอดี และด้วยเหตุที่ผู้กองต้องการให้ลูก(ซึ่งจริงๆยังไม่รู้เลยว่าเป็นเพศไหนแต่ เค้าหวังให้เป็นลูกชาย)มาเกิดและอยู่ใกล้ๆเค้าที่นี่ จึงทำให้สองแม่ลูกต้องระหกระเหินมาใน ป่าแห่งนี้
ด้วยความที่สิ่งแวดล้อมที่ชวนให้หดหู่ไม่ว่าจะเป็น แม่ที่ดูจะอมทุกข์ ขี้โรค พ่อเลี้ยง ที่มีนิสัย ซาดิสม์ ชอบความรุนแรง และไม่เคยสนใจลูกเลี้ยงเลย เพื่อนในวัยเดียวกันก้ไม่มี ทำให้ โอเฟเลีย รุ้สึก โดดเดี่ยวเดียวดาย มีเพียงสิ่งหนึ่งที่พอจะช่วยบรรเทาความระทมทุกข์ใน ใจเธอ คือการ อ่านเทพนิยาย และเล่นคนเดียว
และการที่เธอต้องทำอะไรคนเดียวเธอจึงทำให้เธอได้มีโอกาสได้ค้นพบ กองหิน ที่เรียกว่า เขาวงกต ในบริเวณใกล้บ้านพักของเธอ เธอได้พบกับสัตว์ในเทพนิยายที่ชื่อ ฟอน (หัวเป็นแพะตัวเป็นคน) ซึ่ง ฟอน ตนนี้มีชื่อว่าแพน ได้บอก โอเฟเลียว่า เธอ คือเจ้าหญิงที่หายสาปสูญไป และพระบิดาก็เฝ้ารอเจ้าหญิงอยู่ในเขาวงกต แต่การที่เธอจะได้เจอพระบิดา เธอจะต้องทำภารกิจ 3 อย่าง ซึ่งจะต้องให้สำเร็จก่อนคืนวันพระจันทร์ เต็มดวงในครั้งถัดไป
โอเฟเลีย ไม่แน่ใจกับสิ่งที่แพนบอก แต่ชีวิตของเธอใน ตอนนี้มันดดเดี่ยว และโหดร้ายกับจิตใจเธอเสียเหลือเกิน หนูน้อยจึงเลือกที่จะรับข้อเสนอของแพน และเธอจะต้องทำภาระกิจดเหล่านี้ให้สำเร็จเพื่อที่จะไปพบพระ บิดา ของเธอเอง โดยภาระกิจแรกของเธอคือ การตามหากุญแจ โดยเธอต้องมุดเข้าไปในโพรงไม้เก่าแก่ ที่มีโคลนเลนและตัวแมลงเต็มไปหมด เพื่อไปเอากุญแจจาก คางคก ยักษ์
โอเฟเลีย ไม่แน่ใจกับสิ่งที่แพนบอก แต่ชีวิตของเธอใน ตอนนี้มันดดเดี่ยว และโหดร้ายกับจิตใจเธอเสียเหลือเกิน หนูน้อยจึงเลือกที่จะรับข้อเสนอของแพน และเธอจะต้องทำภาระกิจดเหล่านี้ให้สำเร็จเพื่อที่จะไปพบพระ บิดา ของเธอเอง โดยภาระกิจแรกของเธอคือ การตามหากุญแจ โดยเธอต้องมุดเข้าไปในโพรงไม้เก่าแก่ ที่มีโคลนเลนและตัวแมลงเต็มไปหมด เพื่อไปเอากุญแจจาก คางคก ยักษ์
หนังเล่าเรื่องตัดสลับ เรื่องราวระหว่าง โอเฟเลีย กับ เรื่องของผู้กองไวดอลได้อย่าง แนบเนียน (เหมือนดูหนังสองเรื่องในเรื่องเดียว) เรื่องนึงเป็นเรื่องของการเมือง การปฏิวัติ ที่มีการวางแผนโดยอีกฝ่ายได้นำไส้ศึกหน่วยปฎิวัติ เข้ามาอาศัยในบ้านของผู้กอง ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องการผจญภัยในโลกเหนือธรรมชาติ ของหนูน้อย โอเฟเลีย ที่ต้องการหลีกหนีชีวิตที่โหดร้ายทารุณ
ในขณะที่การปฏิวัติกำลังจะเริ่มขึ้น แม่ของ โอเฟเลีย สุขภาพไม่ค่อยดีจนเกือบตกเลือด แพน พยายามเร่งให้โอเฟเลียทำภารกิจที่สองซะ เพราะว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งภาระกิจนี้ โอเฟเลีย จะต้องย่องเข้าไป เอามีดกริชที่ซ่อนอยู่ในตู้ ซึ่งมีปีศาจคอยเฝ้าอยู่ เธอจะต้องเอากุญแจที่ได้มาจากภาระกิจแรกไปไขตู้ โดยห้ามแตะต้องของใดๆบนโต๊ะอาหารของปีศาจ ที่สำคัญเธอต้องออกมา ให้ทัน ก่อนเวลาในนาฬิกาทรายจะหมด แต่เวรกรรม โอเฟเลียดันไปหยิบ ผลองุ่นกินซะนี่ .....(ไม่รู้อะไรดลใจหนูน้อยนะ)เหตุการณ์ระทึกจึงเกิดขึ้น
ในขณะที่การปฏิวัติกำลังจะเริ่มขึ้น แม่ของ โอเฟเลีย สุขภาพไม่ค่อยดีจนเกือบตกเลือด แพน พยายามเร่งให้โอเฟเลียทำภารกิจที่สองซะ เพราะว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งภาระกิจนี้ โอเฟเลีย จะต้องย่องเข้าไป เอามีดกริชที่ซ่อนอยู่ในตู้ ซึ่งมีปีศาจคอยเฝ้าอยู่ เธอจะต้องเอากุญแจที่ได้มาจากภาระกิจแรกไปไขตู้ โดยห้ามแตะต้องของใดๆบนโต๊ะอาหารของปีศาจ ที่สำคัญเธอต้องออกมา ให้ทัน ก่อนเวลาในนาฬิกาทรายจะหมด แต่เวรกรรม โอเฟเลียดันไปหยิบ ผลองุ่นกินซะนี่ .....(ไม่รู้อะไรดลใจหนูน้อยนะ)เหตุการณ์ระทึกจึงเกิดขึ้น
ไม่ขอเล่าบทสรุปของ หนัง ว่าเรื่องราวตอนท้ายชะตากรรมของโอเฟเลียและ ผู้กองไวดอล จะเป็นยังไง แต่ยอมรับว่า หนังเล่าเรื่องได้เนียนไม่สะดุดและสนุกสนาน ตามที่มันจะสามารถทำให้เราสนุกได้(ไม่ เว่อร์หรือเหนือจริงเกินไป) บอกได้เลยว่ามันเป็นหนังแฟนซีที่หลอนอยู่ในใจเราไปหลายวันเลยทีเดียว (ผู้กำกับนี่โรคจิตเปล่าเนี่ย)เด็ก จินตนาการ ความรุนแรง เอามาปนกันซะหลอนไป เลย ช่างกล้าจริงๆ (แต่เค้าทำได้เจ๋งจริงๆนะ)
ข้อความข้างล่างมีพูดถึงจุดจบของหนัง (ให้คลิ๊กเม้าท์แล้วลากจากจุดซ้ายสีแดงไปจุดขวามือสีแดง)
O โดย ส่วนตัวมันไม่ใช่หนังที่เราชอบ อะไรมากมาย(เพราะมันหม่นหมองและมืดมน) แต่ยอมรับว่ามันแปลกดี และเป็นหนังที่นำเสนอได้ดีจริงๆ ....เล่าเรื่อง 2 เรื่องที่ต่างกันได้อย่างกลมกลืน อุปมาอุปไมยในหนัง(โลกแห่ง เทพนิยาย กับโลกแห่งความจริง สงคราม การปฏิวัติ การหนีความจริง ) ผลสะท้อนจากสงคราม มันส่งผลกับจิตใจคนได้อย่างน่ากลัว ที่ติดตา สุดๆ คือฉากจบของหนัง รู้สึกสงสารชะตากรรมของหนูน้อยโอเฟเลียจริงๆ ที่แม้ถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังอยู่ในโลกของเทพนิยายอยู่ ...อย่างน่าเวทนา O
Download
แผ่น 1
แผ่น 2
Password
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น